วันพฤหัสบดีที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

บทที่6 การติดตั้งโปรแกรมMultimedie

จากความหมายของคำว่า “มัลติมีเดีย” ตามที่ได้กล่าวมาข้างต้น ส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์
ที่มีการติดตั้งระบบมัลติมีเดียเข้าไปด้วย เรียกกันโดยทั่วไปว่า “มัลติมีเดียพีซี” (Multimedia Personal
Computer: MPC) ซึ่งมีองค์ประกอบหลัก 5 ส่วน ดังนี้

เครื่องพีซี (Personal Computer : PC)

เครื่องอ่านซีดีรอม (CD-Rom Drive)

ซาวนด์การ์ด (Sound Card หรือ Sound Board)

ลำโพงภายนอก (External Speaker)

ซอฟต์แวร์ประยุกต์ (Application Software)
 

เครื่องพีซี (Personal Computer :PC)

เครื่องพีซีถือเป็นหัวใจของระบบงานด้านมัลติมีเดีย โดยไมโครโพรเซสเซอร์ที่ใช้จะต้องมีประสิทธิภาพ
ในด้านความเร็วของสัญญาณนาฬิกา (Clock Speed) โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเป็นเครื่องที่ออกแบบมา
เพื่อใช้งานด้านมัลติมีเดียจะยิ่งมีประสิทธิภาพในการประมวลผลสัญญาณภาพ และเสียงดีกว่า
ไมโครโพรเซสเซอร์ทั่วๆ ไป เช่น ซีพียูตระกูล MMX ของ Intel เป็นต้น นอกจากนี้ยังต้องมีหน่วยความ
จำของเครื่อง (Ram) มากพอที่จะใช้เก็บไฟล์ภาพที่มีขนาดใหญ่ได้และติดตั้งแผงวงจรเร่งความาเร็วการ
ประมวลผลภาพกราฟฟิค (Graphic Accelerator Board) นอกจากนี้ ยังต้องมีโครงสร้างทาง
สถาปัตยกรรมที่สอดคล้องกับอุปกรณ์ต่อพ่วง (Peripheral Devices) ที่มีอัตราการสื่อสารข้อมูลที่
รวดเร็วและมีประสิทธิภาพเพียงพอ ที่จะใช้จัดการเกี่ยวกับภาพและเสียงได้อย่างต่อเนื่องและราบรื่น
โดยไม่เกิดอาการกระตุกและมีสล็อตขยายที่แผงวงจรหลักเพียงพอสำหรับการต่อขยายระบบหรือ
อุปกรณ์สำหรับต่อพ่วงในอนาคต รวมทั้งมีหน่วยจัดเก็บข้อมูลสำรอง ซึ่งได้แก่ ฮาร์ดดิสก์หรืออุปกรณ์
ชนิดอื่นๆ ที่มีขนาดความจุสูงและยังต้องมีจอภาพสีและแผงวงจรควบคุมการแสดงผลจอภาพที่สามารถ
แสดงภาพที่มีความละเอียดสูง
เครื่องอ่านซีดีรอม (CD-ROM Drive)

เครื่องอ่านซีดีรองนับว่าเป็ฯส่วนประกอบที่สำคัญในการจัดเก็บข้อมูลและการนำเสนองานด้านมัลติมีเดีย
คุณสมบัติพื้นฐานของเครื่องซีดีรอมก็คือ ความเร็วในการเข้าถึงข้อมูล รวมทั้งอัตราการส่งถ่ายข้อมูลเพื่อ
อำนวยความสะดวกในการจัดการเกี่ยวกับภาพโดยเฉพาะอย่างยิ่งในการนำเสนอภาพเคลื่อนไหวที่ต้อง
แสดงผลของแต่ละภาพอย่างต่อเนื่อง โดยไม่ปรากฎอาการภาพสะดุดหรือกระตุกที่เกิดจากการที่เครื่อง
คอมพิวเตอร์ดึงข้อมูลภาพจากหน่วยจัดเก็บข้อมูลช้ากว่าการแสดงภาพ การเลือกใช้เครื่องอ่านซีดีรอม
จะพิจารณาจากจำนวนเท่าในการอ่านข้อมูล เช่น 52 เท่าหรือ 52x ซึ่งหมายถึงอัตราการส่งถ่ายข้อมูล
ทีได้จากการอ่านซีดีรอมนั่นเอง แผ่นซีดีรอมขนาด 5.25 นิ้วแต่ละแผ่นจะสามารถบันทึกข้อมูลได้ถึง
700 MB(โดยประมาณ) หรือบันทึกสัญญาณเสียงได้นานประมาณ 80 นาที แต่ถ้าเป็นแผ่นซีดีรอม
ขนาดเล็ก 8 ซม. จะสามารถบันทึกข้อมูลได้ประมาณ 185 MB หรือบันทึกสัญญาณเสียงได้นาน
21 นาทีดั


ปัจจุบันได้มีการผลิตเครื่องอ่านซีดีรอม โดยใช้เทคโนโลยีดีวีดี (DVD ย่อมาจาก Digital Video Disc)
ทำให้แผ่นดีวีดีรอมแต่ละแผ่นสามารถบันทึกข้อมูลแบบความจุสูง(high Density) ได้ถึง 9.4 GB
จุดเด่นของเครื่องอ่านดีวีดีรอมก็คือ สามารถอ่านข้อมูลจากทั้งแผ่นดีวีดีแผ่นซีดีปกติได้ ในขณะที่เครื่อง
อ่านซีดีรอมไม่สามารถอ่านข้อมูลจากแผ่นดีวีดีรอมได้ และพัฒนาการของเครื่องอ่านดีวีดีรอมยังคงมีการ
เปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง ในปัจจุบันมีการผลิตเครื่องอ่านแบบคู่ที่มีศักยภาพรองรับการอ่านและการ
เขียนแผ่นซีดีและดีวีดีภายในเครื่องเดียว ซึ่งอำนวยความสะดวกในการทำงานมากยิ่งขึ้น

ซาวนด์การ์ด (Sound Card หรือ Sound Board)

ซาวนด์การ์ด (Sound Card หรือ Sound Board) หรือแผงวงจรเสียงเป็นส่วนประกอบที่สำคัญอีกส่วน
หนึ่งของมัลติมีเดียพีวี มีหน้าที่หลักในการเก็บบันทึกเสียง และแสดงผลเสียงจากโปรแกรมสำหรับงาน
ด้านมัลติมีเดียโดยสามารถทำการบันทึกเสียงจากแหล่งกำเนิดเสียงต่างๆ เช่น ไมโครโฟน เครื่องดนตรี
หรือแหล่งกำเนิดเสียงอื่นๆ จากนั้นจะทำการแปลงสัญญาณให้อยู่ในรูปแบบของดิจิตอล ซึ่งสามารถ
เก็บไฟล์เสียงไว้ในหน่วยจัดเก็บข้อมูลสำรอง โดยสัญญาณดิจิตอลจากไฟล์เสียงเหล่านี้จะส่งกลับไป
ยังซาวนด์การ์ด เพื่อแปลงสัญญาณให้เป็นแบบอนาล็อก ทำให้สามารถได้ยินเสียงจากไฟล์ที่ทำการนำ
เข้าหรือบันทึกนั้นได้ด้วยอุปกรณ์แสดงผลทางเสียง เช่น ลำโพง หูฟัง
 
ลำโพงภายนอก (External Speaker)

ลำโพงภายนอก (External Speaker) เป็นส่วนสำคัญที่สนับสนุนให้มัลติมีเดียคอมพิวเตอร์สามารถเล่น
เสียงระดับไฮไฟที่มีคุณภาพได้ นอกจากความสามารถในการจัดการด้านเสียงของซาวนด์การ์ดแล้ว
ปัจจุบันได้มีผู้ผลิตลำโพงภายนอกที่มีขีดความสามารถที่หลากหลาย นอกจากนี้ยังเพิ่มคุณภาพในหลาย
ระดับด้วยกัน เช่น ระดับธรรมดา ระดับคุณภาพสูงที่ประกอบด้วยทั้งลำโพงเสียงแหลม ลำโพงเสียงกลาง
และลำโพงเสียงทุ้ม เป็นต้น คล้ายกับระบบเครื่องเสียงชั้นดีทั่วไป ลำโพงภายนอกจึงจัดว่าเป็น
ส่วนประกอบพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับมัลติมีเดียพีซีเนื่องจากการถ่ายทอดเสียงที่ชัดเจนและต้องครอบ
คลุมย่านความถี่เสียงได้หลากหลาย จนกลายเป็นส่วนประกอบสำคัญของระบบมัลติมีเดียในยุคปัจจุบัน
ที่ขาดไม่ได้


ซอฟต์แวร์ประยุกต์ (Application Software)


ซอฟต์แวร์ประยุกต์เป็นซอฟต์แวร์ที่ใช้สำหรับจัดการด้านมัลติมีเดีย ภายใต้โปรแกรมระบบปฏิบัติการ
ที่ทำงานสัมพันธ์กับเครื่องพีซีและอุปกรณ์ประกอบ สามารถจำแนกซอฟต์แวร์ประยุกต์ตามลักษณะงาน
ได้ 2 ประเภทใหญ่ ได้แก่ 1)ซอฟต์แวร์ประยุกต์ประเภทคอมพิวเตอร์ช่วยสอนมัลติมีเดีย (Application
Software for Multimedia Computer Assisted Instruction) เช่น Icon Author, Toolbook
และ Macromedia Authorware เป็นต้น ซึ่งโปรแกรมนี้สามารถเรียกได้อีกอย่างหนึ่งว่า
โปรแกรมระบบสร้างสื่อการสอน 2) ซอฟต์แวร์ประยุกต์ประเภทนำเสนองานมัลติมีเดีย (Application
Software for Multimedia Presentation) เช่น Macromedia Director MX, Shockwave และ
Macromedia Flash MX เป็นต้น


สำหรับองค์ประกอบทั้ง 5 ส่วนของมัลติมีเดียพีซีตามที่ได้มาข้างต้น นับได้ว่าเป็นส่วนประกอบขั้น
พื้นฐานของมัลติมีเดียพีซีที่สนับสนุนการใช้งานด้านมัลติมีเดียทั่วไป หากต้องการพัฒนางานมัลติมีเดีย
เฉพาะทาง เช่น ทำวีดีโอจำเป็นต้องขยายขีดความสามารถของเครื่องคอมพิวเตอร์ด้วยอุปกรณ์ต่อพ่วง
พิเศษ เช่น ติดตั้งแผงวงจรจัดการเกี่ยวกับภาพเคลื่อนไหว (Video Capture Board) ติดตั้งเครื่อง
บันทึกและเล่นภาพวิดีโอ (Video Tape Recorder) เป็นต้น

บทที่7 การออกแบบเว็บเพจ


  1. การออกแบบเว็บเพจที่ดี



ขั้นตอนการออกแบบเว็บเพจ

  • เราต้องมีความสนใจเกี่ยวกับ รูปแบบเว็บเพจ ให้เว็บเพจใช้งานง่าย และสวยงาม ดูตามรายละเอียดข้อล่างและนำไปประยุกต์ใช้สิครับรับรองว่าคุณจะต้องทำเว็บเพจได้ดีแน่ๆ

  • มีรายการสารบัญแสดงรายละเอียดของเว็บเพจนั้น
    การทำให้สารบัญหรือแนะนำหัวข้อให้เว็บเพจนั้น จะทำให้ผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชมเว็บเรา ได้รู้ว่าเรามีหัวข้ออะไรบ้างและหัวข้อนั้นมีลักษณะเนื้อหาอย่างไร ทำให้เว็บเราน่าสนใจมากขึ้น
    เชื่อมโยงข้อมูลไปยังเป้าหมายได้ตรงกับความต้องการมากที่สุด
    การเชื่อมโยงข้อมูลในเว็บเพจ จะทำให้เว็บเพจมีความหลากหลายและทำให้ผู้อ่านได้เข้าใจในเนื้อหา มากยิ่งขึ้น ตรงไหนที่มีความสัมพันธ์ กัน ในเว็บเราควรลิงค์ไปที่นั้นๆด้วย การลิงค์นั้นไม่จำเป็นว่าจะเป็ยแบบตัวหนังสือหรือ รูปภาพ แล้วแต่ความสะดวกและความสวยงาม
    เนื้อหากระชับ สั้น และทันสมัย
    ถ้าเนื้อหายาวมากๆ คนอ่านก็จะรู้สึกเบื่อให้เนื้อหานั้นๆ ทำให้ ไม่น่าติดต่อ เราควรย่อให้เหลือแต่ ใจความสำคัญของเนื้อหา และข้อความทันสมัย ทันยุค แต่ไม่มากจนเกินไปและดูน่าเกลียด ใช้ภาษาให้เข้ากับคนทุกวัย
    สามารถโต้ตอบกับผู้ใช้ได้อย่างทันท่วงที
    ควรให้ผู้ชมแสดงความคิดเห็นได้ด้วย เช่น ใส่เบอร์ mail เรา หรือ icq เพื่อให้คนติดต่อกับเราได้ หรือใช้เว็บบอร์ดให้คนแสดงความคิดเห็น
    มีรูปภาพประกอบการนำเสนอที่ดี แต่ไม่ควรมีรูปภาพมากจนเกินไป
    รูปภาพที่ใช้ควรไม่มากเกินไป แต่ขนาดของภาพไม่ควรใหญ่มากจนคน ชมไม่ได้ เราใช้ภาพที่น่ารัก และเกี่ยวข้องกับเนื้อหาของเว็บจะทำให้เว็บดูดีขึ้นมามาก ถ้าเรามีรูปภาพสวยๆประกอบเว็บ จะทำให้เว็บดูสวยขึ้น(เป็นกอง)
    เข้าสู่กลุ่มเป้าหมายได้อย่างถูกต้อง
    การสร้างเว็บเพจนั้นก็ต้องคำนึงถึง กลุ่มเป้า หมายเช่นเราทำเว็บ น่ารักๆทันสมัย ก็จะถึงกลุ่มเป้าหมายที่เป็นวัยรุ่น ถ้าเราทำเว็บเกี่ยวกับข่าว ก็จะเป็นที่สนใจของคนทั่วๆไป เป็นต้น
    ใช้งานง่าย 
    หัวข้อนี้น่าจะเป็นรายการแรกสุดของการสร้างเว็บเพจเลยก็ว่าได้ เพราะไม่ว่าอะไรก็ตามถ้ามีความง่ายในการใช้งาน โอกาสที่จะประสบความสำเร็จย่อมสูงขึ้นเป็นลำดับ
    ทำไงจึงจะสร้างเว็บเพจให้ใช้ง่ายได้ง่ายล่ะ สิ่งนี้ย่อมขึ้นอยู่กับเทคนิคและประสบการณ์ของผู้สร้างแต่ละคน บางสิ่ง คนหนึ่งอาจจะบอกว่าง่าย แต่กลับอีกคนหนึ่งกลับกลายเป็นสิ่งที่ยากเย็นแสนเข็ญมาก
    20 ขั้นตอนของการออกแบบเวบเพจที่ดีครับ (จาก ponic.com)
    เทคนิคทำเว็บที่ดีและน่าสนใจปัจจุบันมีเว็บหลายเว็บทั้งน้อยใหญ่เกิดขึ้นมามาก แต่ในจำนวนเหล่านั้นจะมีกี่เว็บที่น่าสนใจ และได้รับความนิยม
    อาจจะเป็นเพราะความผิดพลาดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่คุณอาจคาดไม่ถึง ถ้าคุณได้อ่านคอลัมน์ในหน้านี้ อาจจะพอช่วยให้คุณดูแลเว็บ
    ได้ดีขึ้น

    1.ก่อนที่จะทำเว็บ คุณควรคิด Concept ของเว็บซะก่อน ผมแนะนำว่าให้ทำเว็บที่เกี่ยวกับเนื้อหาที่คุณชอบหรือถนัด และต้อง
    มั่นใจว่าดูแลเว็บได้ตลอด อย่างคนที่เล่นเกมบ่อย ๆ รู้ข่าวเกมเยอะ ๆ ก็ทำเว็บเกี่ยวกับเกมได้ แต่คนที่ไม่เคยเล่นเกมเลย
    คงจะทำออกมาไม่ดีเท่ากับคนที่เล่นเกมประจำ ที่สำคัญควรวางแผนและทำงานให้เป็นระบบ อย่าทำงานโดยไร้จุดหมาย เทียบได้
    กับเมื่อเราเดิน เรารู้ว่าจะไปไหน ย่อมจะถึงว่าคนที่เดินโดยไม่รู้จุดหมาย

    2.อย่าท้อเมื่อผลลัพธ์ที่ได้ไม่เหมือนกับจุดมุ่งหมายที่ตั้งไว้ ใช้ไหวพริบในการแก้ไขปัญหานั้น ๆ
    ไม่มีเว็บไหนที่สำเร็จโดยราบรื่น คิดซะว่าเมื่อเราเจอ 1 ปัญหาในครั้งนี้ เหมือนกับเรากำจัด 1 ปัญหาในครั้งต่อไป

    3.มีการปรับปรุงและอัพเดตเว็บอยู่เสมอ คงไม่มีใครอยากเข้าบ้านที่ไม่ได้ทำความสะอาดมาเป็นเดือน ๆ ใช่มั้ยครับ คุณควรที่จะ
    ปรับปรุงอัพเดตข้อมูลในเว็บอยู่เสมอ ๆ เพื่อให้ผู้ที่เข้ามารู้ว่าคุณยังดูแลเว็บอยู่

    4.คุณควรที่จะรู้กลุ่มเป้าหมายของเว็บของคุณว่าเป็นกลุ่มไหน และทำเว็บให้มีเนื้อหาเหมาะสำหรับกลุ่มเป้าหมายนั้น ๆ
    เพื่อจะเจาะกลุ่มเป้าหมายนั้นอย่างแท้จริง เช่น ถ้าคุณทำเว็บสดใสวัยรุ่นก็ควรจะมีเนื้อหาพวกเกี่ยวกับ ความรัก, ทำนาย,
    ภาพยนตร์ ฯลฯ

    5.พยายามเน้น Feature (หรือจุดขาย) ของเว็บให้ชัดเจน เช่นผมสร้างเว็บมาเว็บนึง เป็นเว็บรวมสติ๊กเกอร์กว่า
    100000 รูป ซึ่งเป็นจุดที่เด่นที่สุด ก็ควรจะเน้นจุดนี้ให้เด่นกว่าส่วนอื่น ๆ
    6.ความเหมาะสมของเนื้อหากับประเภทของเว็บและ Concept ต้องผสมกันได้อย่างดี อย่างเว็บสดใสวัยรุ่นควรจะเป็นสีสดใส
    เว็บสำหรับกวีกลอนควรจะออกไปทางเรียบง่ายและสงบ ๆ เว็บธุรกิจควรเป็นทางการ คงไม่ดีแน่ถ้าคุณนำรูปชินจังโชว์ช้างน้อยไป
    ใส่ในเว็บธุรกิจของคุณ

    7.พยายามเอาใจและตามกระแสกลุ่มเป้าหมายของคุณ โดยเฉพาะเว็บวัยรุ่น พยายามตามกระแสให้ทัน อันไหนฮิตก็พยายาม
    จับมาใส่ในเว็บ และเมื่อสิ่งที่พวกเขาสนใจมีอยู่ในเว็บคุณแล้ว จะพลาดได้ไง

    8.ความเร็วในการโหลดเป็นสิ่งที่สำคัญในการสร้างเว็บ ไม่มีใครอยากที่จะนั่งรอโหลดเว็บที่มีขนาดใหญ่ เมื่อพวกเขารอไม่ไหว
    ก็จะไปจากเว็บคุณทันที

    9.ควรจัดเว็บให้เป็นระบบ เพื่อให้ผู้ที่เข้ามาได้ค้นหาในเข้าถึงที่ที่เขาอยากไปโดยทันที อย่าทำเว็บให้เหมือนเขาวงกตที่ไม่มี
    ทางออกหรือซับซ้อนเกินไป หรือถ้ามีเนื้อหาเยอะก็ควรทำ Site Map จะช่วยได้ดีมาก หรือถ้าเว็บมีข้อมูลเยอะก็ควรติด Search
    Engine
    ภายในเว็บด้วย

    10.พยายามผสมผสานระหว่างกราฟฟิคและ Text ให้ลงตัวที่สุด อย่าเน้นกราฟฟิคจนทำให้เว็บโหลดช้าและอย่าเน้น
    Text จนทำให้ผู้เยี่ยมชมตาลาย

    11.ผู้ทำเว็บควรรู้จักและใช้ Graphic .Gif กับ .Jpg ให้เป็น รูปที่มีสีน้อย ๆ ควรใช้ .Gif ส่วนรูปที่ใช้สีเยอะ ๆ เช่นรูปถ่ายควรใช้
    แบบ .Jpg

    12.การใช้ Font ที่ขนาดต่าง ๆ กันไป สามารถสื่อความหมายได้ ควรใช้ Font ขนาดใหญ่กับตัวที่เราอยากให้ผู้ชมสนใจ
    และเรียงลำดับความสำคัญรอง ๆ ลงมา หลีกเลี่ยงการใช้ Font ขนาดเดียวกันทั้งเว็บเพราะจะทำให้เว็บดูน่าเบื่อและไม่รู้จุดสนใจ
    หรืออาจจะใช้ ตัวหนา ตัวเอียง หรือขีดเส้นใต้ก็ได้

    13.หลายเว็บอาจจะทำเว็บทำนองเดียวกับคุณ พยายามทำให้แตกต่าง และ Upgrade เว็บคุณให้ดีกว่า

    14.การ Design ใช่ว่าจะไม่สำคัญ เมื่อผู้ชมเข้ามา เค้าควรที่จะได้ First Look ที่ดี นั่นไม่ได้หมายความว่าคุณต้องทำกราฟฟิคแบบ
    สุดยอด ถึงกับลงทุนจ้างกราฟฟิคมือโปร เพียงแค่เป็นการ Design ที่ดี ใช้สีที่เข้ากันได้

    15.ถ้าเว็บคุณไม่ได้สร้างขึ้นมาเพื่อแสดงเทคนิคการเขียนเว็บที่ล้ำหน้าเกินเว็บคนอื่น ๆ พยายามอย่าใช้เทคนิคที่ล้ำหน้าจน
    ผู้เยี่ยมชมตามไม่ทัน
    ถ้าคุณต้องใช้เทคนิคที่ล้ำหน้า ควรเขียนเว็บทั้ง 2 Version เพื่อให้ผู้ที่รองรับได้และไม่ได้สามารถเข้าชมได้

    16.ทดลองทดสอบการโหลดเว็ โดย Upload เว็บไปที่ Server เพื่อจะได้รู้ความเร็วจริง ๆ เพราะถ้าคุณโหลดใน HardDisk
    ไฟล์จะอยู่ Harddisk ลองทดสอบกับ Server จริง ๆ และอย่าลืม ถ้าคุณต้องทดสอบเป็นครั้งที่ 2 และต่อ ๆ ไป ควรจะ Clear Cahe ก่อน

    17.พยายามทำให้ผู้เยี่ยมชมสามารถติดต่อและติชมเว็บเราได้ โดยการใส่ E-mail ใส่เบอร์ ICQ หรืออื่น ๆ ถ้าผู้เยี่ยมชมมี
    ข้อเสนอแนะอะไรก็จะมาบอกเราได้ เพื่อการพัฒนาเว็บต่อ ๆ ไป

    18.แลกลิงค์กับเว็บอื่น ๆ เพื่อเป็นการโปรโมตและประชาสัมพันธ์ เพราะไม่มีทางที่อยู่ดี ๆ จะมีใครมารู้จักเว็บคุณโดยไม่แนะนำ
    และถ้าคุณต้องโปรโมต กรุณาใช้ วิธีที่ขาวสะอาดในการโปรโมต เช่นอาจจะไปประกาศใน Webboard (แต่อย่าประกาศบ่อย)
    อย่าใช้วิธี Spam เพราะมันจะทำลาย First Look ของเว็บคุณ

    19.อย่าได้แม้แต่คิดที่จะหลอกใช้ผู้ชมเป็นเครื่องมือหาเงิน บางเว็บได้ใช้วิธีโกง Banner กับผู้เยี่ยมชม อย่าคิดว่าคุณจะเป็นผู้
    ฉลาดเพียงฝ่ายเดียว จับกันได้ง่ายมาก ไม่เพียงแต่ Rating ตก และเว็บคุณจะโดนประณาม ถ้าอยากถ้าเงินจาก Banner
    ควรใช้วิธีขาวสะอาด แค่ติดไว้ ใส่คำเชิญชวญเล็กน้อย ก็พอแล้วครับ

    20.อย่า Copy เว็บคนอื่นมา คนที่ได้แต่ Copy ของเว็บชาวบ้านเค้า แล้วมารวมใส่เว็บตัวเอง คนที่ Copy อย่างเดียว
    ไม่มีทางได้รู้ว่ากว่าจะมาเป็น 1 งาน กว่าจะมาเป็น 1 เว็บเพจ มันไม่ใช่ง่าย ๆ บางคนต้องแลกด้วยสมอง แลกด้วยเวลา อย่าดูถูก
    ฝีมือตัวเองว่าทำแบบเค้าไม่ได้ เลย Copy มาเลย ให้เกียรติ์ตัวเอง คิดเอง ทำเอง แล้วคุณจะภูมิใจ
    (ผมส่งเสริมให้นำความคิดมาดัดแปลงครับ อย่าลอกเค้ามาทั้งดุ้นเลย อย่าคิดว่าคนอื่น ๆ ไม่รู้)

    ทั้ง 20 ข้อนี้ ไม่ใช่ สูตรสำเร็จในการทำเว็บให้ดัง ให้ดี นำไปใช้ นำไปประยุกต์ 20 ข้อนี้ผมเชื่อว่าช่วยคุณได้แน่ ถ้านำใช้
    และฝากกำลังใจให้กับคนทำเว็บ ให้สร้างสรรค์เว็บดี ๆ ให้กับประเทศไทยครับ

    บทที่8 การติตตั้งระบบปฏิบัติการwindows xp

    การติดตั้ง Windows XP Professional พร้อมตัวอย่างตั้งแต่เริ่มต้น

    การติดตั้งระบบปฏิบัติการ Windows XP โดยปกติ จะสามารถทำได้ 2 แบบคือ การติดตั้งโดยการอัพเกรดจาก Windows ตัวเดิม หรือทำการติดตั้งใหม่เลยทั้งหมด สำหรับตัวอย่างในที่นี้ จะขอแนะนำวิธีการ ขั้นตอนการติดตั้ง Windows XP แบบลงใหม่ทั้งหมด ซึ่งความเห็นส่วนตัว น่าจะมีปัญหาในการใช้งานน้อยกว่าแบบอัพเกรดครับ
    วิธีการติดตั้ง Windows XP ยังสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 แบบดังนี้
    1. ติดตั้งแบบอัพเกรดจาก Windows ตัวเดิม โดยใส่แผ่น CD และเลือกติดตั้งจาก CD นั้นได้เลย
    2. ติดตั้งโดยการบูตเครื่องใหม่จาก CD ของ Windows XP Setup และทำการติดตั้ง
    3. ติดตั้งจากฮาร์ดดิสก์ โดยทำการ copy ไฟล์ทั้งหมดจาก CD ไปเก็บไว้ในฮาร์ดดิสก์ ก่อนทำการติดตั้ง
    เพื่อให้ง่ายต่อการทำความเข้าใจ ในขั้นตอนการติดตั้งระบบ Windows XP ตรงนี้ จะขอแสดงตัวอย่างการติดตั้ง โดยการบูตจากแผ่น CD ของ Windows XP Setup ครับ โดยก่อนที่จะทำการติดตั้ง ก็ให้ทำการสำรองข้อมูลต่าง ๆ ไว้ให้เรียบร้อย จัดการแบ่ง พาร์ติชั่น (ถ้าจำเป็น) และทำการ format ฮาร์ดดิสก์ให้เรียบร้อยก่อน นอกจากนี้ ไม่ควรลืมการเตรียม Driver ของอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เป็นของ Windows XP ไว้ด้วยครับ ดูรายละเอียดและวิธีการต่าง ๆ ตามลิงค์ต่อไปนี้
    ในการแบ่งพื้นที่ฮาร์ดดิสก์ แนะนำให้ทำการวางแผนประมาณขนาดพื้นที่ไว้ล่วงหน้าด้วย โดยทั่วไปก็ไม่ควรจะใช้พื้นที่ต่ำกว่า 3G. และเนื่องจากระบบ Windows XP สามารถที่จะสร้างเมนู Multi Boot ได้หลังจากที่ติดตั้งไปแล้ว โดยยังสามารถเลือกเมนูว่า จะเรียก Windows ตัวเดิมหรือจะเรียก Windows XP ก็ได้ ดังนั้น หลาย ๆ ท่านมักจะแบ่งพื้นที่ไว้ลง Windows 98 ที่ Drive C: ประมาณ 5G. และเผื่อไว้สำหรับ Windows XP ที่ Drive D: อีกประมาณ 5G. ที่เหลือก็จะเป็น Drive E: สำหรับเก็บข้อมูลอื่น ๆ ทั่วไป แต่ถ้าหากลง Windows เพียงแค่ตัวเดียว ก็ไม่จำเป็นครับ
    การตั้งค่าใน BIOS ก่อนทำการติดตั้ง Windows XP ใหม่จะต้องทำการ Disable Virus Protection ใน BIOS ซะก่อน เพราะว่าเมนบอร์ดบางรุ่นจะมีการป้องกัน Virus โดยการป้องกันการเขียนทับในส่วนของ Boot Area ของฮาร์ดดิสก์ ซึ่งเท่าที่เคยเห็นมา เครื่องคอมพิวเตอร์ปัจจุบันนี้ส่วนใหญ่จะมีให้เลือกตั้งค่านี้อยู่แล้ว ถ้าหากเครื่องของใครไม่มีก็ไม่ต้องตกใจ เพราะเมนบอร์ด บางรุ่นอาจจะไม่มีก็ได้ วิธีการก็คือ
    • เริ่มจากการเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ใหม่ ขณะที่เครื่องกำลังทำ Memory Test หรือนับ RAM อยู่นั่นแหละ ด้านล่างซ้ายมือจะมีคำว่า Press DEL to enter SETUP ให้กดปุ่ม DEL บน Keyboard เพื่อเข้าสู่เมนูของ Bios Setup (แล้วแต่เมนบอร์ด ด้วยบางทีอาจจะใช้ปุ่มอื่น ๆ สำหรับการเข้า Bios Setup ก็ได้ลองดูให้ดี ๆ) จากนี้ก็แล้วแต่ว่าเครื่องของใคร จะขึ้นเมนูอย่างไร คงจะไม่เหมือนกันแต่ก็ไม่แตกต่างกันมากนัก จากนั้นให้มองหาเมนู Bios Features Setup ส่วนใหญ่จะเป็นเมนูที่สอง ใช้ปุ่มลูกศรเลื่อนแถบลงมาแล้วกด ENTER ถ้าใช่จะมีเมนูของ Virus Warning หรือ Virus Protection อะไรทำนองนี้ ถ้าหากเป็น Enable อยู่ละก็ให้เปลี่ยนเป็น Disable โดยเลื่อนแถบแสงไปที่เมนูที่เราต้องการใช้ปุ่ม PageUp หรือ PageDown สำหรับเปลี่ยนค่าให้เป็น Disable
    • กดปุ่ม ESC เพื่อกลับไปเมนูหลักของ Bios Setup มองหาเมนูของ SAVE TO CMOS AND EXIT หรืออะไรทำนองนี้เลื่อนแถบแสงไปเลยแล้วกด ENTER ถ้าหากเครื่องถามว่าจะ Save หรือไม่ก็ตอบ Y ได้เลย หลังจากนี้เครื่องจะทำการ Reboot ใหม่อีกครั้ง ใส่แผ่น Startup Disk ที่เราทำไว้ตามขั้นตอนแรกรอไว้ก่อนเลย
    มาดูขั้นตอนตั้งแต่เริ่มต้น การติดตั้ง Windows XP กันเลยครับ
    เริ่มต้น โดยการเซ็ตให้บูตเครื่องจาก CD-Rom Drive ก่อน โดยการเข้าไปปรับตั้งค่าใน bios ของเครื่องคอมพิวเตอร์ โดยเลือกลำดับการบูต ให้เลือก CD-Rom Drive เป็นตัวแรกครับ (ถ้าหากเป็นแบบนี้อยู่แล้ว ก็ไม่ต้องเปลี่ยนอะไร)

    ทำการปรับเครื่อง เพื่อให้บูตจาก CD-Rom ก่อน จากนั้นก็บูตเครื่องจากแผ่นซีดี Windows XP Setup โดยเมื่อบูตเครื่องมา จะมีข้อความให้กดปุ่มอะไรก็ได้ เพื่อบูตจากซีดีครับ ก็เคาะ Enter ไปทีนึงก่อน

    โปรแกรมจะทำการตรวจสอบและเช็คข้อมูลอยู่พักนึง รอจนขึ้นหน้าจอถัดไปครับ

    เข้ามาสู่หน้า Welcome to Setup กดปุ่ม Enter เพื่อทำการติดตั้งต่อไป

    หน้าของ Licensing Agreement กดปุ่ม F8 เพื่อทำการติดตั้งต่อไป

    ทำการเลือก Drive ของฮาร์ดดิสก์ที่จะลง Windows XP แล้วกดปุ่ม Enter เพื่อทำการติดตั้งต่อไป

    เลือกชนิดของระบบ FAT ที่จะใช้งานกับ Windows XP หากต้องการใช้ระบบ NTFS ก็เลือกที่ข้อบน แต่ถ้าจะใช้เป็น FAT32 หรือของเดิม ก็เลือกข้อสุดท้ายได้เลย (no changes) ถ้าไม่อยากวุ่นวาย แนะนำให้เลือก FAT32 นะครับ แล้วกดปุ่ม Enter เพื่อทำการติดตั้งต่อไป

    โปรแกรมจะเริ่มต้นขั้นตอนการติดตั้ง รอสักครู่ครับ

    หลังจากนั้น โปรแกรมจะทำการ Restart เครื่องใหม่อีกครั้ง (ให้ใส่แผ่นซีดีไว้ในเครื่องแบบนั้น แต่ไม่ต้องกดปุ่มใด ๆ เมื่อบูตเครื่องใหม่ ปล่อยให้โปรแกรมทำงานไปเองได้เลยครับ)

    หลังจากบูตเครื่องมาคราวนี้ จะเริ่มเห็นหน้าตาของ Windows XP แล้วครับ รอสักครู่

    โปรแกรมจะเริ่มต้นขั้นตอนการติดตั้งต่าง ๆ ก็รอไปเรื่อย ๆ ครับ

    จะมีเมนูของการให้เลือก Regional and Language ให้กดปุ่ม Next ไปเลยครับ ยังไม่ต้องตั้งค่าอะไรในช่วงนี้

    ใส่ชื่อและบริษัทของผู้ใช้งาน ใส่เป็นอะไรก็ได้ แล้วกดปุ่ม Next เพื่อทำการติดตั้งต่อไป

    ทำการใส่ Product Key (จะมีในด้านหลังของแผ่นซีดี) แล้วกดปุ่ม Next เพื่อทำการติดตั้งต่อไป

    หน้าจอให้ใส่ Password ของ Admin ให้ปล่อยว่าง ๆ ไว้แบบนี้แล้วกดปุ่ม Next เพื่อทำการติดตั้งต่อไป

    เลือก Time Zone ให้เป็นของไทย (GMT+07:00) Bangkok, Hanoi, Jakarta แล้วกดปุ่ม Next เพื่อทำการติดตั้งต่อไป

    รอครับ รอ รอ รอสักพัก จนกระทั่งขั้นตอนต่าง ๆ เสร็จเรียบร้อย ก็พร้อมแล้วสำหรับการเข้าสู่ระบบปฏิบัติการ Windows XP ครับ จากนั้น จะมีการบูตเครื่องใหม่อีกครั้ง เพื่อเริ่มต้นการใช้งานจริง ๆ

    บูตเครื่องใหม่คราวนี้ อาจจะมีเมนูแปลก ๆ แบบนี้ เป็นการเลือกว่า เราจะบูตจากระบบ Windows ตัวเก่าหรือจาก Windows XP ครับ ก็เลือกที่ Microsoft Windows XP Professional ครับ ถ้าของใครไม่มีเมนูนี้ก็ไม่เป็นไรนะครับ

    เริ่มต้นบูตเครื่อง เข้าสู่ระบบปฏิบัติการ Windows XP แล้วครับ

    ในครั้งแรก อาจจะมีการถามเรื่องของขนาดหน้าจอที่ใช้งาน กด OK เพื่อให้ระบบตั้งขนาดหน้าจอให้เราได้เลยครับ นอกจากนี้ ถ้าหากเครื่องไหนมีการถาม การติดตั้งค่าต่าง ๆ ก็กดเลือกที่ Next หรือ Later ไปก่อน บางครั้งอาจจะมีให้เราทำการสร้าง Username อย่างน้อย 1 ฃื่อก่อนเข้าใช้งาน ก็ใส่ชื่อของคุณเข้าไปได้เลย

    เสร็จแล้วครับ หน้าตาของการเข้า Windows XP สวยดีครับ

    วันพฤหัสบดีที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2554

    บทที่9 การติดตั้ง PC-Cillin 2000 โปรแกรมสำหรับป้องกันไวรัสบน คอมพิวเตอร์

    การติดตั้ง PC-Cillin 2000 โปรแกรมสำหรับป้องกันไวรัสบน คอมพิวเตอร์

    จากที่ได้ทำการแนะนำ การติดตั้ง McAfee โปรแกรมสำหรับการป้องกันไวรัสบน คอมพิวเตอร์ ไปแล้ว ซึ่งจากการใช้งานทั่ว ๆ ไป ตัวโปรแกรม McAfee ก็สามารถทำงานได้ดีในระดับหนึ่ง แต่เมื่อได้ทำการทดลองใช้งาน โปรแกรม PC-Cillin 2000 ในการป้องกันไวรัส คอมพิวเตอร์ต่าง ๆ พบว่า ตัวโปรแกรม PC-Cillin นี้ มีข้อดีกว่า McAfee คือ เป็นโปรแกรมป้องกันไวรัสที่ ไม่ไปโหลดการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์มากนัก ไม่ทำให้เครื่องช้าลง และการอัพเดตข้อมูลไวรัส ทำได้ง่ายและรวดเร็วกว่ามาก และที่สำคัญ สามารถทำการตรวจสอบไวรัสที่มีมากับอีเมล์ได้ด้วย ดังนั้น ตรงนี้จึงขอเสนอและแนะนำการติดตั้ง PC-Cillin 2000 โปรแกรมป้องกันไวรัส อีกตัวหนึ่งที่น่าจะทดลองใช้งานกันครับ ข้อมูลเพิ่มเติมของโปรแกรมนี้ สามารถหาได้จาก http://www.antivirus.com/
    เริ่มต้นจากการหา ดาวน์โหลด PC-Cillin 2000 มาก่อน และเริ่มต้นขั้นตอนการติดตั้ง โดยการคลิกเปิดไฟล์ pcc2k.exe เพื่อเริ่มขั้นตอนการติดตั้ง ตามตัวอย่างในรูป

    หลังจากเรียกไฟล์สำหรับทำการติดตั้ง จะได้หน้าจอตามภาพ กดที่ปุ่ม Next เพื่อทำการติดตั้งต่อไป

    จะได้หน้าจอตามภาพด้านบน กดที่ปุ่ม Yes เพื่อทำการติดตั้งต่อไป

    โปรแกรมจะทำการตรวจสอบและค้นหาไวรัส ที่อาจจะมีอยู่ในเครื่องก่อน ให้รอสักครู่ จนเสร็จขั้นตอนนี้

    หลังจากที่โปรแกรมทำการตรวจสอบว่าเครื่องไม่มีไวรัสแล้ว ให้กดที่ปุ่ม OK เพื่อทำการติดตั้งต่อไป

    จะได้หน้าจอตามภาพด้านบน ใส่ชื่อและ Serial No. ของโปรแกรม (code ใส่ตามตัวอย่างในภาพด้านบนก็ได้) กดที่ปุ่ม Next เพื่อทำการติดตั้งต่อไป

    จะได้หน้าจอตามภาพด้านบน เลือก Folder ที่จะลงโปรแกรม ถ้าไม่เลือกก็กดที่ปุ่ม Next เพื่อทำการติดตั้งต่อไป

    จะได้หน้าจอตามภาพด้านบน กดที่ปุ่ม Next เพื่อทำการติดตั้งต่อไป

    เลือกส่วนประกอบต่าง ๆ ที่ต้องการติดตั้ง ขอแนะนำให้เลือกทั้งหมด กดที่ปุ่ม Next เพื่อทำการติดตั้งต่อไป

    จะได้หน้าจอตามภาพด้านบน กดที่ปุ่ม OK เพื่อทำการติดตั้งต่อไป

    จะได้หน้าจอตามภาพด้านบน กดที่ปุ่ม Next เพื่อทำการติดตั้งต่อไป

    จะได้หน้าจอตามภาพด้านบน ตรงนี้เป็นส่วนของการสร้าง Emergency Recuse Disks ซึ่งไม่จำเป็นต้องทำก็ได้ ให้กดที่ปุ่ม Cancel เพื่อทำการติดตั้งต่อไป

    จบขั้นตอนการติดตั้งโปรแกรม จะได้หน้าจอตามภาพด้านบน กดที่ปุ่ม Finish

    หลังจากนั้น เมื่อเรียกใช้งานโปรแกรมครั้งแรก จะมีเมนูถามการ Register ตรงนี้ เราอาจจะทำการ Register ไปเลยก็ได้ หรืออาจจะทำภายหลัง ในที่นี้ ขอแนะนำให้ทำการ Register ไปเลย โดยการใส่ชื่อและอีเมล์ของคุณ หรือถ้าหากไม่ต้องการใช้ชื่อจริง ก็อาจจะใส่ชื่อและอีเมล์อะไรก็ได้ลงไปครับ และกดที่ปุ่ม Register Now

    เมื่อเสร็จสิ้นการติดตั้งโปรแกรม จะมีเมนูถามให้ทำการ Restart เครื่องคอมพิวเตอร์อีกครั้ง ก็กดที่ปุ่ม OK เพื่อทำการ Restart เครื่องคอมพิวเตอร์ใหม่ เท่านี้เป็นอันเสร็จทุกขั้นตอนการติดตั้ง PC-Cillin 2000 สำหรับป้องกันไวรัสคอมพิวเตอร์ และอย่าลืมว่า เราควรจะทำการอัพเดตข้อมูลของ ไวรัส บ่อย ๆ ด้วยเพื่อให้โปรแกรมรู้จักกับไวรัส ชนิดใหม่ ๆ ได้ด้วยนะครับ

    บทที่10 การบำรุงรักษาคอมพิวเตอร์

    การดูแลรักษา อายุการใช้งานของอุปกรณ์/ชิ้นส่วนต่างๆ ภายในเครื่องคอมพิวเตอร์


    1.ซีพียู (CPU: Central Processing Unit)

    โดยปกติซีพียูเป็นอุปกรณ์/ชิ้นส่วนที่เสียหายยากมากจากการใช้งานปกติ ซึ่งซีพียูอาจจะทำงานได้นานมากจนเราเลิกใช้เครื่องไปเลย แต่ถ้าเราโชคร้ายโดยถูกผู้ผลิตนำซีพียูทีมีความเร็วต่ำมาหลอกขายว่าเป็นซีพียูความเร
    ็วสูง (CPU Remark) หรือทำการ PUSH ให้ซีพียูทำงานเร็วกว่าความเร็วที่กำหนดให้ ทำให้อายุการใช้งานของซีพียูสั้นลงกว่าปกติ อีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้อายุการใช้งานซีพียูสั้นลงก็คือ พัดลมระบายอากาศ (Ventilation Fan) ที่ติดตั้งอยู่ที่ชุดจ่ายไฟฟ้า (Power Supply) ของคอมพิวเตอร์เสีย ทำให้ซีพียูต้องทำงานที่ความร้อนสูงตลอดเวลา ถ้าซีพียูเสียก็ต้องซื้อใหม่อย่างเดียว ไม่สามารถทำการซ่อมหรือแก้ไขได้

    2.เมนบอร์ด (Mainboard or Motherboard)
    เป็นอุปกรณ์ที่มี Chip ควบคุมการทำงานของอุปกรณ์อื่นๆ ของเครื่องคอมพิวเตอร์ และเป็นทั้งตัวรับและจ่ายไฟให้กับ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ บนเมนบอร์ด ซึ่งถ้ามีอุปกรณ์สำรองไฟฟ้า (UPS) ก็จะช่วยให้การทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์ เป็นไปอย่างราบรื่นสม่ำเสมอ และไม่ทำให้อุปกรณ์อื่นๆ ชำรุดเสียหาย ในกรณีที่เกิดไฟตกไฟกระชากอีกด้วย

    3.จอภาพ (Monitor)
    จอภาพโดยทั่วไปมักจะมีอายุการใช้งานประมาณส่วนใหญ่ ประมาณ 1-3 ปี เนื่องจากหลอดภาพของแต่ละรุ่นยี่ห้อนั้น จะมีคุณภาพแตกต่างกันไปตาม แต่ละบริษัทผู้ผลิต ไม่ควรตั้งจอไว้ใกล้บริเวณที่มีสนามแม่เหล็กมากจนเกินไป และไม่ควรเช็ดหน้าจอด้วยน้ำยาหรือสารอย่างอื่นๆ ที่ไม่ได้ระบุไว้สำหรับทำความสะอาดจอภาพนั้นๆ

    4.การ์ดแสดงผล (Display Card)
    โดยทั่วไปการใช้งานในช่วง 1 ปีแรก มักจะไม่ค่อยมีปัญหา ส่วนใหญ่จะใช้งานไปได้ถึง 3 ปี โดยไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าเราเลือกใช้การ์ดแสดงผลราคาถูก ก็อาจจะมีปัญหาบ้างในปีแรก แต่ก็ไม่มากนัก แต่ถ้าเป็นการ์ดแสดงผลยี่ห้อดังๆ จากอเมริกาที่มีราคาแพง จะมีความเร็วในการแสดงผลสูง มีลูกเล่นมากกว่า และมีการออกไดรเวอร์ออกมาอย่างต่อเนื่อง

    5.เมาส์ (Mouse)
    เป็นอุปกรณ์ Input ที่ใช้สำหรับป้อนข้อมูลคำสั่งเข้าสู่เครื่องคอมพิวเตอร์ ภายในเม้าส์ จะประกอบไปด้วยลูกกลิ้งและฟันเฟือง ซึ่งสามารถถอดออกมาและทำความสะอาด เนื่องจากลูกกลิ้งจะสะสมเอาสิ่งสกปรกต่างๆ ไว้ภายในเม้าส ทำให้ลูกกลิ้งไม่สามารถที่จะเคลื่อนที่ไปได้โดยอิสระ

    6.แป้นพิมพ์ (Keyboard)

    การป้อนข้อมูลจำนวนมากทุกวัน หรือเอาแป้นพิมพ์ไปใช้เล่นเกมส์ จะพบว่าปุ่มบางปุ่มจะเสียตั้งแต่ยังไม่ครบปี อายุการใช้งานของแป้นพิมพ์จะผ่านปีแรกและปีที่สองไปได้ อย่างสบาย แต่ถ้าแป้นพิมพ์เกิดเสียหลังจากปีแรก ซึ่งเลยระยะรับประกันแล้ว ไม่ควรซ่อม ให้ซื้อใหม่จะดีกว่า นอกจากนี้ยังมีแป้นพิมพ์ที่มีราคาแพงเกินหนึ่งพันบาทขึ้นไป เช่น ไมโครซอฟต์คีย์บอร์ด หรือคีย์บอร์ดของไอบีเอ็ม แป้นพิมพ์เหล่านี้จะมีรูปทรงถูกสุขลักษณะ ไม่ทำให้เกิดอาการปวดเมื่อยข้อมือ มีความทนทานสูงและตอบสนองต่อการกดแป้นพิมพ์จะดีกว่าแป้นพิมพ์ราคาถูก

    7.ฮาร์ดดิสก์ (Harddisk)
    ฮาร์ดดิสก์เป็นหน่วยความจำสำรอง หรือสื่อบันทึกข้อมูลภายนอกที่มีความจุสูง ฮาร์ดดิสก์จะถูก
    บรรจุอยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ให้อยู่แล้ว ฮาร์ดดิสก์ในสมัยเริ่มแรกมีความจุเพียง 20-80เมกะไบต์ และต่อมาฮาร์ดดิสก์ได้พัฒนาให้มีความจุสูงขึ้น และมีความเร็วในการเข้าถึงข้อมูลที่สูงขึ้นด้วย ซึ่งในปัจจุบันฮาร์ดดิสก์ที่มีขายทั่วไปในท้องตลาดมีความจุมากกว่า 1 กิกะไบต์ทั้งสิ้น และมักจะมีอายุการประกันตั้งแต่ 1-3 ปี ซึ่งเมื่อฮาร์ดดิสก์เสียในช่วงเวลาดังกล่าว ก็ต้องส่งไปซ่อมกับร้านที่ซื้อมา โดยทั่วไปฮาร์ดดิสก์จะมีอายุการใช้งานอย่างต่ำ 3 ปี แต่อย่างไรก็ตาม ฮาร์ดดิสก์ก็อาจจะเสียได้ตลอดเวลา ดังนั้น เราควรสำรองข้อมูลในฮาร์ดดิสก์เอาไว้อย่างสม่ำเสมอ เพื่อเวลาที่ฮาร์ดิสก์เสีย ข้อมูลก็จะยังไม่สูญหายไป ข้อควรระวังก็คือ ในเรื่องของไฟตกไฟชากซึ่งจะมีผลต่อ Harddisk อาจทำให้เกิดความเสียหายได้

    8.ดิสก์ไดร์ฟ (Disk Drive)

    ดิสก์ไดร์ฟ เป็นอุปกรณ์ที่ใช้อ่านและเขียนข้อมูลลงในแผ่นฟลอปปีดิสก์ ซึ่งดิสก์ไดร์ฟก็มีหลายชนิด
    แต่ในปัจจุบันเครื่องคอมพิวเตอร์ทั่วๆไปมักจะใช้ดิสก์ไดร์ฟขนาด 3.5 นิ้ว การใช้งานดิสก์ไดร์ฟโดยทั่วไปไม่ค่อยมีปัญหาเท่าไรนัก ถ้าผ่านปีแรกไปได้แล้วก็มักจะผ่านไปถึงปีที่ 3 ถ้าหากว่าดิสก์ไดร์ฟเสียในช่วงปีแรกก็สามารถส่งซ่อมหรือเปลี่ยนใหม่ แต่ถ้าเสียหลังจากปีแรกแล้ว ก็ควรที่จะซื้อเปลี่ยนใหม่ เพราะถ้าซ่อมจะไม่คุ้มค่า เพราะราคาดิสก์ไดร็ฟในปัจจุบันมีราคาถูกมาก

    9.พัดลมระบายความร้อน
    เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ประกอบภายในประเทศ มักจะใช้พัดลมระบายความร้อนที่มีราคาถูก และจะ
    พบว่าส่วนใหญ่พัดลมจะเสียภายในเวลาไม่กี่เดือนเท่านั้น มีอยู่น้อยมากที่จะผ่านปีแรกไปได้โดยไม่เสีย พัดลมระบายความร้อนที่ใช้งานได้ดี ก็คงเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์รุ่นเพนเทียมรุ่นที่มีพัดลมติดมาด้วย การเลือกใช้พัดลมระบายความร้อนต้องพยายามใช้ของดีมียี่ห้อ เพราะถ้าพัดลมระบายความร้อนเสีย จะทำให้ซีพียูร้อนจัด ทำให้เครื่องเกิดอาการแฮงก์ (Hang) โดยไม่ทราบสาเหตุ และทำให้อายุการใช้งานของซีพียูสั้นลง ถ้าพัดลมระบายความร้อนเสียต้องเปลี่ยนอย่างเดียว

    10.ซีดีรอมไดร์ฟ (CD-Rom Drive)
    ในปัจจุบันเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่มักจะเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ในระบบมัลติมีเดีย
    หรือเป็นสื่อผสม ซึ่งจะต้องใช้สื่อบันทึกข้อมูลที่สามารถบันทึกข้อมูลได้มากขึ้น ซึ่งจะมีข้อมูลทั้งภาพและเสียง ดังนั้น แผ่นซีดีรอมจึงเป็นที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย เมื่อมีแผ่นซีดีรอมเครื่องคอมพิวเตอร์ก็จะต้องมีเครื่องผ่านแผ่นซีดีรอมที่เรียกว่า ซีดีรอมไดร์ฟ ข้อควรระวังก็คือ ไม่ควรนำแผ่นซีดี ที่เสียแล้ว หรือมีรอยขีดข่วนมากๆ มาอ่าน เพราะอาจทำให้หัวอ่านชำรุดได้ รวมถึงการใช้น้ำยาล้างหัวอ่านผิดประเภทด้วย

    ใช้น้ำยาทำความสะอาดสำหรับเครื่องคอมฯ เช็ด บริเวณด้านนอก โดยอาจใช้พู่กันเล็กๆ ช่วยในการปัดฝุ่นออกเสียก่อน จากนั้นจึงใช้น้ำยาทำความสะอาดเช็คเครื่องคอมฯ ข้อควรระวัง! โดยปกติน้ำยาเหล่านี้ ห้ามเช็คหน้าจอ ถ้ามีฝุ่นหรือคราบนิ้วมือ ให้ใช้ผ้าสะอาดเช็ดก็เพียงพอแล้ว (ทิป น้ำยาทำความสะอาด โดยทั่วไป การใช้ควรใส่น้ำยาบนผ้าที่สะอาด จากนั้นลูบไปบริเวณตัวเครื่อง ทิ้งไว้สักพัก และค่อยเช็ดออก จะช่วยลดแรงในการขัดได้มาก)


    มาดูการทำความสะอาดภายในเครื่องคอมพิวเตอร์บางคับ



    สำรองข้อมูล

    เพื่อเป็นการป้องกันปัญหาของคอมพิวเตอร์ ที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกขณะ การสำรองข้อมูลอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยลดปัญหาของคุณได้มากทีเดียว การสำรองข้อมูลอาจสำรองลงแผ่น ดิสก์, ซีดี หรืออาจแบ่ง partition ในฮาร์ดดิกส์ แล้วทำรองไว้ ทั้งนี้คงขึ้นกับกำลังเงินที่เรามีอยู่


    ทำความสะอาดแผงวงจร


    ปัญหาอย่างหนึ่งที่สำคัญที่ทำให้คอมพิวเตอร์เกิดเสียหายได้ นั่นคือ ความชื้นและฝุ่นละอองที่เกาะตามอุปกรณ์ต่าง ๆ ดังนั้น เราจึงควรทำความสะอาดบ้างอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง ทั้งนี้ขึ้นกับสถานที่ที่ติดตั้งคอมฯ ว่าอยู่ในพื้นที่ที่มีฝุ่นละอองมากน้อยเพียงใด การทำความสะอาด จำเป็นต้องต้องเปิดฝาเครื่อง จากนั้นให้ใช้เครื่องเป่าผม หรือเครื่องดูดฝุ่น (ขนาดเล็ก) ใช้เป่า หรือดูดฝุ่นออกมา ระวังเวลาดูดหรือเปล่า อย่าเข้าใกล้แผงวงจรมากนัก


    ตรวจสอบฮาร์ดดิสก์


    ฮาร์ดดิสก์เป็นอุปกรณ์ที่ในการจัดเก็บข้อมูลและโปรแกรมที่ถูกใช ้งานมากที่สุด ดังนี้เราจึงควรมีการตรวจสอบ ฮาร์ดดิสก์เป็นประจำอยู่เสมอ โดยใช้โปรแกรมตรวจสอบ เช่น ลบขยะภายในเครื่อง Disk Cleanup, ตรวจสอบดิสก์ Scandisk และ จัดเรียงข้อมูลในดิสก์ Disk Defregment (อย่างน้อยเดือนละครั้ง)

    บทที่11 การติดตั้งหน่วยความจำ แรม

    1. เตรียมแรมที่จะติดตั้งลงในสล็อตและมองหาตำแหน่งสล็อต
    บนเมนบอร์ด







    2. วางแรมให้ถูกด้านโดยให้รอยบากตรงกับคันล็อก ในช่องเสียบ(สล็อต)





    3. ดันแรมลงไปตรง ๆ จนสุด ซึ่งจะสังเกตเห็นว่า แขนล็อค
    กระดกกลับมาล็อคปลายแรมทั้งสองข้างพอดี

    บทที่12 การติดตั้งฮาร์ดดิสก์

    การติดตั้งฮาร์ดดิสก์


    1. เตรียม ฮาร์ดดิสก์ไว้สำหรับติดตั้ง




    2. ด้านหลังฮาร์ดิสก์  ต้องกำหนดจัมเปอร์ให้ถูกต้อง
    ก่อนการติดตั้ง  แต่โดยส่วนใหญ่จะถูกกำหนดเป็น Masterในฮาร์ดดิสก์
    ตัวแรก




    3. ใส่ฮาร์ดดิสก์เข้าไปในช่องบรรจุไดร์ฟและดันเข้าไปให้สุด 
    โดยให้สังเกตที่ด้านข้างตัวฮาร์ดดิสก์ ว่ารูสำหรับขันน็อตตรงกับรูของช่อง
    บรรจุไดร์ฟ





    4. ขันยึดน็อตเพื่อยึดฮาร์ดดิสก์เข้ากับตัวเคสให้แน่น โดยให้ขันยึด
    ทั้งสองด้าน